วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

อาขยานล้านนา มาตรวัดอายุ

ขอบคุณภาพจาก Googleและศิลปินล้านนา



     มีคำมะเก่าอยู่บทหนึ่งที่ท่านผู้อ่านหลายคนต้องเคยได้สดับรับฟังมากันบางแล้ว มันเป็นโคลงกลอนคำเมืองล้านนา กล่าวถึงช่วงอายุของคน ที่มีอยู่ว่า......


“สิบปี๋ อาบน้ำบ่หนาว” ช่วงอายุ 10 ปี ยังเป็นเด็กไม่รู้จักร้อนไม่รู้จักหนาว เล่นสนุกอย่างเดียว แม้อากาศจะหนาวเย็นเพียงไร เวลาอาบน้ำก็ไม่มีอาการหนาว โดยเฉพาะหน้าหนาว

ซาวปี๋ แอ่วสาวบ่ก๋าน” ในอดีตประเพณีแอ่วสาว หรือการไปจีบสาวถึงบ้านผู้หญิง พอตกกลางคืนชายวัยรุ่นจากต่างหมู่บ้านกัน จะไปแอ่วสาวที่หมู่บ้านใกล้ ๆ ด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน มองเห็นทางได้ด้วยไต้ส่องไฟ ไม่ว่าจะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกลางวันอย่างไร ตกกลางคืนก็ต้องไปแอ่วสาวให้ได้ พอไปถึงบ้านหญิงที่ตนหมายตาก็จะขึ้นไปทักทายพูดคุยหยอกล้อ บางทีมีการว่ากลอนด้วยนะ หากว่าพ่อแม่ผู้หญิงยังไม่รู้จักก็จะนั่งอยู่ด้วย พูดคุยกันไปโดยอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ตลอด ดังนั้นการแอ่วสาว บ่ ก๋านก็คือ ลำบากยังไง ไม่เคยรู้สึกเบื่อหรือรู้สึกถึงความยาก

“สามสิบปี๋ บ่หน่ายสงสาร”
ช่วงอายุ 30 ปี อยากกินอยากเที่ยว คนสมัยแต่ก่อนก็ดำรงชีวิตด้วยความใกล้ชิดธรรมชาติ การล่าสัตว์ การไปนอนค้างตามป่าเขา ทำให้เพลิดเพลิน

“สี่สิบปี ยะก๋านเหมือนฟ้าผ่า” สีสิบปีเป็นวัยทำงาน ที่ต้องทำงานเหมือนฟ้าผ่า คือ การทำไร่นาไม่รู้เหน็ดเหนื่อย เพื่อครอบครัวและคนกินมากใช้มากต้องรีบทำ งานให้เร็วเพื่อให้ครอบครัวลูกเมียพออยู่พอกิน

“ห้าสิบปี๋ สาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋ อายุห้าสิบผ่านมาครึ่งชีวิต มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุมรอบครอบมากขึ้น แต่ที่สาวน้อยด่าบ่เจ็บใจ๋นั้น เพราะเริ่มมีความกุ๋มกลิ่มชอบสิ่งสวยๆงามๆ

“หกสิบปี๋ ไอเหมือนฟานโขก” อายุเข้าเลขหลักหก โรคภัยเข้ารุมเร้า ไอค๊อกไอแค๊ก เสียงเหมือน ตัวฟาน(อีเก้ง) เวลามันโขก หรือร้องเรียกกันในป่าจะดังไปสามบ้าน แปดบ้าน

“เจ็ดสิบปี๋ บะโฮกเต๋มตั๋ว” เจ็ดสิบปีแล้ว ก็เริ่มมีอาการเป็นเม็ด – ตุ่ม – ฯลฯ ที่คนแก่มีกัน ที่เหมือนกับผิวหนังตกกระแห้งเหี่ยว

“แปดสิบปี๋ ไค่หัวเหมือนไค่ไห้ แปดสิบแล้ว เสียงหัวเราะก็ยังเหมือนเสียงร้องไห้

“อายุเก้าสิบปี ไข้ก่อต๋าย บ่ไข้ก่อต๋าย” อายุเกินเก้าสิบไปแล้ว จะเจ็บไข้หรือไม่เจ็บไข้ ก็ใกล้จะลงโลงแล้ว

“จะเอาอันใดไปบ่ได้ซักอย่าง” สิ้นแล้วสังขารเป็นสิ่งไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งของอะไรเอาสามารถติดตัวไปได้ซักอย่าง

“บ่สวะบ่วาง บ่หายหม่นเศร้า” ถ้าหากไม่ปล่อยวางกจะเป็นทุกข์……

สำหรับผู้อ่านอยู่ในช่วงอายุไหนกันบ้างครับ ลองคิดตามกันดูว่าเป็นจริงดั้งโครงกลอนที่คนโบราณได้เขียนไว้หรือเปล่า และหากท่านใดอ่านแล้วก็คงต้องนึกถึงศิลปินโฟลค์ซองล้านนา “จรัส มโนเพ็ชร” ที่ได้สำนวนคำเปรียบเทียบของคนโบราณมาใส่ทำนองขับร้องได้อย่างไพเราะและลงตัว กับเพลง “อาขยานล้านนา” คงต้องขอตัวไปค้นเทปเทปคาสเซ็ทออกมาฟังแล้ว(ไม่ต้องเดาอายุตามนะ)......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น