วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2561

พระยาไชยบูรณ์ (ทองอยู่ สุวรรณบาตร) ตอนที่ 2 เงี้ยวปล้นฆ่า


กบฎเงี้ยว/คุ้มเจ้าหลวง




     หลังจากเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์ ลงนามหนังสือสัญญาดังกล่าวแล้ว ก็ดื่มน้ำสบถทำสัตย์สาบานต่อกัน แล้วพวกโจรเงี้ยวก็แบ่งกำลังติดตามพระยาราชฤทธานนท์ เจ้าหน้าที่ และข้าราชการคนไทย และสำหรับคนพื้นเมืองนั้นพวกโจรเงี้ยวจะไม่ทำอันตราย โดยมีเจ้านายเมืองแพร่ที่เข้าเป็นพวกกับโจรเงี้ยว คือเจ้าน้อยไจลังกา ส่วนเจ้าหลวงพิริยะเทพวงศ์และเจ้านายอื่นๆ ที่ปรากฏนามนั้นได้ให้การต่อ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย (ฐานันดรศักดิ์และตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าถูกพวกโจรเงี้ยวบังคับ จึงจำใจต้องทำสัญญากับพวกโจรเงี้ยวด้วยความรักชีวิต 

     ทางฝ่ายพระยาไชยบูรณ์ ข้าหลวงกำกับราชการเมืองแพร่นั้น เมื่อพวกโจรเงี้ยวระดมยิงโรงพัก ก็ได้ใช้ปืนยิงต่อสู้หลายนัด เมื่อเห็นพวกโจรเงี้ยวมีกำลังมากกว่า ก็วิ่งหนีไปทางวัดพระร่วง เพื่อรายงานให้เจ้าหลวงเมืองแพร่ทราบ เพื่อขออาวุธและเกณฑ์กำลังคนเข้าต่อสู้กับพวกโจร แต่ได้พบเพียงขุนพิพิธโกษากรณ์ ข้าหลวงคลัง และหัวหน้าส่วนราชการคนอื่นๆหลบซ่อนอยู่เท่านั้น จึงพากันวิ่งไปที่คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ เพื่อจะพบท่านเจ้าหลวงและขออาวุธ เมื่อมาถึงไม่พบท่านเจ้าหลวง พบแต่พระยาไชยสงครามและเจ้าราชบุตร ก็ทราบว่าท่านเจ้าหลวงหนีไปอยู่ที่ห้างบอมเบเบอร์ม่าแล้ว เมื่อไม่พบเจ้าหลวง พระยาไชยบูรณ์ ก็หนีต่อไปอีก โดยมีนายแม้นพนักงานอัยการติดตามไปด้วย ส่วนข้าราชการคนอื่นๆก็หลบหนีแยกไปคนละเส้นทาง 

    แล้วจึงให้นายแม้นไปเกณฑ์ชาวบ้านบ้านกาศมาต่อสู้กับพวกโจรเงี้ยวได้จำนวน 80 คน จึงนำชาวบ้านทั้งหมดเข้ายังเมืองแพร่ เพื่อจะพบกับพระยาราชฤทธานนท์แต่ไม่พบ ได้พบแต่เพียงนายน้อยขัด นายแคว่น (กำนัน) จึงได้ให้นายน้อยขัดไปที่บ้านพระยาพิไชยราชา เสนาตำแหน่งคลัง เพื่อสอบถามถึงกำลังพลและที่พักของพวกโจรเงี้ยว พระพิไชยราชาจึงแจ้งว่า อย่าได้ต่อสู้พวกเงี้ยวเลย ให้รีบหนีเอาตัวรอด เพราะพวกโจรเงี้ยวจะฆ่าแต่เฉพาะคนไทย (ภาคกลาง) เท่านั้น ส่วนคนพื้นเมืองนั้นโจรเงี้ยวจะไม่ทำร้าย ทำให้ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเกิดความความท้อแท้ แล้วต่างคนต่างก็แยกกันหนีไป โดยไม่ได้เกิดการต่อสู้แต่อย่างใด 

   ฝ่ายพระยาไชยบูรณ์ หลังจากนายแม้นไปเกณฑ์ชาวบ้านแล้ว เกรงว่าพวกโจรเงี้ยวจะมาพบเข้า จึงหนีไปทางบ้านร่องกาศ แต่กลับถูกแคว่น(กำนัน) และแก่บ้าน (ผู้ใหญ่บ้าน) ของบ้านร่องกาศจับตัวส่งให้พวกโจรเงี้ยว เนื่องด้วยเงี้ยวได้ตั้งบนขึ้นแก่ผู้ที่จับพระนยาราชฤทธานนท์มาส่งได้ เป็นเงิน 300 บาท และม้าอีก 2 ตัว 
เงี้ยวจึงนำตัวพระยาไชยบูรณ์ พร้อมกับพลตำรวจคนหนึ่งเข้ามาเมือง แต่พอถึงร่องแวง พวกโจรเงี้ยวก็ได้ฆ่าพลตำรวจเสียก่อน ส่วนพระยาไชยบูรณ์นั้น เมื่อมาถึงบ้านร่องคาว พวกโจรเงี้ยวก็ใช้ดาบฟัน 3 ครั้ง ครั้งแรกฟันถูกหู ครั้งที่สองฟันถูกตา ครั้งสุท้ายฟันถูกท้องจนถึงแก่ชีวิต ณ ที่นั่นเอง แล้วพวกโจรเงี้ยวตัดศีรษะพิงเสากระดานป้ายไว้ พระยาราชฤทธานนท์ถูกฆ่าตาย ในวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2445 หลังจากนั้นเงี้ยวได้ฆ่าข้าราชการอีกหลายคน หลังจากนั้นพวกโจรเงี้ยวก็จัดแต่งตั้งหัวหน้าคุมไพร่พล ไปคอยดักด่านอยู่ที่เขาพลึง บ่อแก้ว ส่วนตัวพะกาหม่องนั้นคุมไพร่พลยกขึ้นไปตีเมืองลำปาง แต่ระหว่างการต่อสู้ตัวพะกาหม่องถูกปืนยิงตายในที่รบ พวกโจรเงี้ยวเลยแตกหนีกลับมาเมืองแพร่ ส่วนฝ่ายพวกโจรเงี้ยวที่ดักอยู่บนเขาพลึง ได้ปะทะกับกองทัพของพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (ผู้ว่าราชการเมืองพิชัย) ที่ตำบลโป่งอ้อ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2445 พวกโจรเงี้ยวเสียชีวิตไป 22 คน และบาดเจ็บอีกหลายคน ส่วนเงี้ยวทางบ้านบ่อแก้วเมื่อทราบข่าวว่าพวกของตนปะทะกองทัพพระยาศรีสุริยราชวรานุวัตรและพ่ายแพ้ ก็พากันหนีถอยกลับเข้าไปในเมืองแพร่(ติดตามตอนที่ 3 ในฉบับหน้า)






เรียบเรียงโดย นายคมสัน  หน่อคำ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น