วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562

“ผีป้กกะโหล้ง” ผีผู้ปกปักรักษาขุนเขาป่าดอย




     ชาวเหนือหรือชาวล้านนาส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอาศัยอยู่ท่ามกลางป่าเขาดงดอย ทำมาหากินอยู่กับธรรมชาติ เครื่องมือเครื่องใช้ก็เป็นสิ่งที่อยู่ในธรรมชาติ เช่น กะโหล้ง(กะลา)นำมาเป็นภาชนะใส่อาหาร


     การกินไปตามเรื่องตามราว แม้สิ้นชีวิตไปแล้วอารมณ์ที่แฝงด้วยความรักในธรรมชาติ หวงแหนผืนป่า

ด้วยจิตวิญญาณที่ผูกพันระหว่างป่ากับมนุษย์ ที่ตั้งแต่กำเนิดขึ้นมาจวบจนร่างกายสิ้นลมหายใจซากศพก็ถูกฝังในผืนแผ่นดินแห่งป่า ทำให้จิตวิญญาณยังว่ายเวียนเป็นผีเฝ้ารักษาป่าตามกรรมเวรที่กระทำไว้ในยามมีชีวิตอยู่เป็นคน

      เมื่อมีใครเข้ามาในป่า ได้ทำร้ายสัตว์ป่า ไล่ล่าเอาชีวิตในป่าหรือกระทำอันเป็นลุกล้ำทำลายต้นไม้ ทำลายของมีค่าในป่า ผีตัวนี้จะใช้กะโหล้งเป็นอาวุธไล่ล่าเอาชีวิตผู้คนที่ทำลายป่าเพื่อเป็นการลงโทษ ดังนั้นผู้คนสมัยก่อนจะเข้าป่าต้องระวังอย่างมาก โดยเฉพาะหากได้ยินเสียงร้องดังแว่วไกลๆว่า........."ป้ก..กะโหล้ง......ป้กกะโหล้ง.......ผู้ที่ได้ยินต้องรีบเอาดุ้นหลัวสุด(ฟืนซากไฟ)มาเสกด้วยพระคาถาปู่เส็ดค่ำลัวะแล้วเตรียมตัวขว้างดุ้นหลัวสุดเข้าใส่ไล่มัน โดยรูปร่างของผีป้กกะโหล้งจะเหมือนคน มรุงรังเข้ามาหานั่นแหละให้รีบขว้างใส่ทันที ผีโป๊กกะโหล้งเป็นผีล้านนาโบราณ เป็นผีป่ามีหน้าตาประหลาดมาก บางตัวมีตาเดียว ขาเดียว สอง แขน วิ่งได้ไวมาก อาศัยในป่าเขาหรือทุ่งนา ส่งเสียงร้อง โป๊กกะโหล้งๆๆ เคยมีคนเห็นผีโป๊กกะโหล้ง ในขณะที่นอนเฝ้าห้างโต้ง(กระต๊อบกลางทุ่งนา) ผีโป๊กกะโหล้งสามารถแปลงกายได้และบางตัวจะมีพิณเปี๊ยะ(เครื่องดนตรีทางภาคเหนือ)

     ผีป้กกะโหล้งเกิดจากชาวเขาชาวดอยที่รักและห่วงธรรมชาติมาก เมื่อตายไปจะเกิดเป็นผีป๊กกระโหล่ง คอยดูแลผืนป่าหากมนุษย์ไปทำลายป่า ตัดไม้ทำลายป่า ฆ่าสัตว์ป่า ผีตนนี้จะปรากฏตัวขึ้นมาและทำร้ายคนทันที เหมือนเป็นการสร้างจิตสำนึกให้กับผู้คนให้รักป่ารักษาและดูแลทรัพยากรณ์ธรรมชาติให้มากขึ้น

ที่มา https://sites.google.com/site/tumnanpeethai

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น