วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ผีกะ ล้านนา



     ผีกะเป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ชื่อผีตัวนี้มาจากมารยาทบนโต๊ะอาหาร เพราะผีกะใช้ช้อนส้อมไม่เป็น แต่จะใช้มือขย้ำอาหารยัดใส่ปากอย่างตะกละตะกราม เลยเรียกสั้นๆว่า "ผีกะ" มีลักษณะคล้ายผีปอบคือชอบเข้าสิงคนและชอบกินของสดของคาว ชาวล้านนาเชื่อกันว่าผีกะไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณเสมอไป บางทีคนเป็นๆ ก็เป็นผีกะได้ ถ้าเผลอไปหลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นผีกะ หรือกินข้าวร่วมกับคนที่เป็นผีกะครบเจ็ดไห คนที่เลี้ยงผีจะต้องเซ่นสังเวยด้วยเนื้อสัตว์ดิบๆ ทุกวันที่กำหนดถึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากผีกะได้ แต่ถ้าเลี้ยงไม่ดีปล่อยให้ผีกะอดๆ อยากๆ มันจะเข้าสิงคนเลี้ยงทำให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งผี ต้องออกไปจับคนมาแหวะท้องกินตับไตไส้พุงในตอนกลางคืน


     ผีกะมีหลายชนิด ชนิดที่เรียกว่าผีกะพระ-นาง เป็นผีที่นักแสดงทางเหนือนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เพราะเชื่อกันว่าต่อให้เจ้าของหน้าตาดี แต่ถ้าเลี้ยงผีกะไว้ในตอนกลางคืนมันจะออกมาเลียหน้าทำให้คนเลี้ยงสวยหล่อ และยิ่งดึกเท่าไรก็ยิ่งสวยมากขึ้นเท่านั้น แต่ความสวยหล่อจะมาเฉพาะตอนกลางคืน จากคำบอกเล่า เรื่องผีกะ เป็นคนประเภทหนึ่ง ที่เป็นโรคจิตระดับต่ำถึงปานกลาง ถ้ารุนแรงจะเรียกว่า ปอบ

ผีกะเป็นผีล้านนาแท้ๆ ผีกะจะสิงอยู่ในคน คนที่ถูกผีกะสิงจะทำตัวไม่เหมือนคนอื่นทั่วไป ผีกะมีหลายประเภท และระดับความแข็งแกร่งของผีกะถ้ามากๆ ก็จะมีการเรียกชื่อเฉพาะ สำหรับผู้ที่ถูกผีกะสิงนั้น จะเต็มใจให้สิง หรือไม่เต็มใจให้สิง ก็ตามแต่ผู้ที่ถูกผีกะสิงจะมีนิสัยผีกะเหมือนกัน สันนิษฐานว่าผีกะ มาจากคำสองคำคือ ผี + ตะกะ ตะกะที่หมายความว่ากินมากอย่างไม่รู้จักพอ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ยิ่งของที่ชอบจะกินเยอะเป็นพิเศษและทำทุกวิถีทางให้ได้กิน ดังนั้นผีกะจึงเป็นผีที่สิงอยู่ในคนที่กินเยอะมาก เยอะกว่าที่คนธรรมดาเขากิน สำหรับผีกะที่ชั่วร้ายหรือผีกะที่ค่อนข้างไม่ดีมักจะชอบกินอาหารที่พิสดารยิ่งกว่าอาหารพิสดารทั่วไป เช่นของดิบ ของคาวสดๆ ยิ่งเป็นๆยังไม่ตายได้ยิ่งดี ส่วนผีกะอีกพวกเป็นการยินย่อมของคนที่ให้ผีกะสิงเป็นที่อยู่อาศัย
     แต่สำหรับคนที่เลี้ยงผีกะ จะมีสองแบบคือ ยินยอมให้ผีกะสิง กับไม่ยินย่อมให้ผีกะสิง สำหรับคนที่เลี้ยงผีกะทั้งสองแบบนี้จะต้องมีคาถาอาคมกำกับ ผีกะจะกูกนำไปใส่ไว้ในหม้อดิน มีผ้าขาวปิดเป็นฝา เก็บไว้บนเสาบ้าน บนเพดานบ้าน บนคานบ้าน และจะต้องเลี้ยงเซ่นด้วยไข่ดิบ(นิยมไข่ไก่)วันละหนึ่งฟองโดยจะใส่ไว้ในหม้อดินเป็นประจำ และเปลี่ยนเอาไข่กลวง ซึ่งถูกผีกะเจาะกินไปทิ้ง ผีกะที่อยู่ในหม้อดินจะสิงอยู่ในสิ่งมีชีวิตที่ยังโตไม่เต็มที่เช่น หนอน ลูกนกน้อยที่ขนไม่ขึ้น ลูกหนูที่ตายังไม่ปลิเปิด ถ้าวันใดลืมเลี้ยง หรือมีใครเอาลงมาฆ่า นั่นหมายถึงชีวิตของคนในบ้าน และผู้เลี้ยงผีกะ สำหรับผีกะที่มีคุณก็มี ที่เรียกกันว่า ผีกะพระ-นาง เป็นการนำมาใช้ในการแสดง ไม่ว่าจะเป็นลิเก นักร้องนักดนตรี ผีกะชนิดนี้จะมีลักษณะเหมือนลิง คล้ายวอกคล้ายค่างตัวเล็กๆสองตัวนั่งบนบ่าของคนเลี้ยง คุณประโยชน์ของผีกะชนิดนี้คือ ไม่ว่าคนเลี้ยงจะหน้าตาขี้เหร่ อัปลักษณ์ขนาดไหน ถ้าตกกลางคืนผีกะจะเลียหน้าคนเลี้ยง ทำให้หน้าตาสวยขึ้น หล่อขึ้น ยิ่งดึกมากก็ยิ่งหน้าตาดีมาก การเลี้ยงผีกะจึงถือได้ว่าเป็นแฟชั่นของนักแสดงภาคเหนือ ผีกะมีคุณอนันต์แต่ก็มีโทษมหันต์ หากใครเลี้ยงไม่ดี ปล่อยให้ผีกะอดๆอยากๆ มันก็จะทำให้เจ้าของกลายสภาพเป็นกึ่งคนกึ่งภูติ ชอบสิงสู่ชาวบ้านกินตับไตไส้พุง จนกลายเป็นเรื่องเดือนร้อนของชาวบ้านที่ต้องหาหมอผีหรือพระมาปราบผีกะ

ที่มา วิกีพีเดีย, http://www.openbase.in.th, lanna blog

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น