เมื่อพระองค์และข้าราชบริพารพักอยู่ที่นี้พอสมควรแล้วจึงได้เสด็จไปยังพระธาตุช่อแฮต่อ เพื่อทำการก่อสร้างบูรณปฏิสังขรณ์พระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมธาตุและสร้างโบสถ์ วิหาร สำเร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้เสด็จกลับมาบูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุจอมแจ้ง อุโบสถ วิหาร สำเร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้เสด็จกลับไปสร้างอารามขึ้นแห่งหนึ่งตรงที่ช้างล้มเสียชีวิตเชือกหนึ่งมีชื่อว่า ดอยช้างมูบ ปัจจุบันนี้เรียกว่า “วัดกุญชรนิมาตร” ทางวัดจึงได้สร้างรูปช้างมูบไว้ที่นั้นเป็นสัญลักษณ์ของวัดสืบมาจนถึงทุกวันนี้ หลังจากนั้นพญาลิไท ก็ได้เสด็จกลับยังเมืองศรีสัชชนาลัยแล้วพระองค์จึงได้ทรงเสด็จออกผนวช
หลังจากพญาลิไทซ่อมแซมองค์พระธาตุ อุโบสถ วิหารและวัดวาเรียบร้อยแล้วสนมทั้งสองของพระองค์ที่มีชื่อว่า นางสายฟองแก้ว กับนางสายบัวแมน ได้เสียชีวิต วิญญาณของทั้งสองก็ได้ไปสถิตยังเจดีย์ปิดปากถ้ำทางตะวันตกเฉียงใต้ขององค์พระธาตุ ซึ่งบางครั้งนางสายฟองแก้ว นางสายบัวแมน จะไปยืมฟืมทอผ้าของชาวบ้านแถบนั้นมาทอผ้า ถ้าไปยืมตอนเช้าตอนเย็นนางก็เอามาคืนเจ้าของทุกครั้งโดยไม่ให้ข้ามคืน เวลาเอาฟืมมาคืนเจ้าของนางสายฟองแก้ว นางสายบัวแมนกลับแล้วเจ้าของฟืมไปดูขมิ้นที่ทิ้งไว้ในตะกร้าปรากฎว่าขมิ้นได้เปลี่ยนเป็นทองคำไป
สำหรับเขตกำแพงรอบพระธาตุจอมแจ้งมีตำนานกล่าวว่าวัวอุศุภราชตัวที่อาศัยอยู่ในถ้ำนั้นออกมาเยี่ยวรดเป็นแนวเขตไว้ คนโบราณจึงได้ก่อกำแพงตามรอยเยี่ยวของวัวนั้น กำแพงจึงมีลักษณะคดโค้งไปมาเหมือนวัวเยี่ยวตราบเท่าทุกวันนี้
ขอบคุณที่มาข้อมูลจาก เว็ปไซด์วังฟ่อน,เรื่องเล่าอาจารย์ยอด,วิกีพีเดีย
เขียนและเรียบเรียงโดย นายคมสัน หน่อคำ 083-7373307 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น