จากคำกล่าวที่ว่า “คนแพร่เดินผ่านต้นสัก
เป็นไม้ล้ม” หรือ คนแพร่เห็นต้นสัก เห็นเรือนเสาไม้สักใหญ่
นี่คือคำพูดกันทั่วไปที่คล้ายคำจำกัดความของคนแพร่ เหมือนคำว่า “เมืองแป้แห่ระเบิด”
ด้วยประโยควลีเหล่านี้ และอาชีพทำไม้ดั้งเดิมของคนแพร่ ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าคนแพร่เวลาเดินผ่านต้นไม้จะต้องตัด...ต้องโค่นต้นไม้
เพื่อเอาไม้ไปใช้เสียให้ได้
และด้วยความมีชื่อเสียงด้านงานฝีมือช่างไม้เป็นที่โด่งดังไปทั่ว ทำให้ไม้สักของจังหวัดแพร่มีความโดดเด่น
ด้วยคุณภาพไม้ที่ดี มีความคงทน เงางาม
สีสวย อายุการใช้งานยาวนาน ปลวกไม่ขึ้น จนได้ชื่อว่า “ไม้สักทองคุณภาพดีต้องของเมืองแพร่เท่านั้น”
ทำให้ผลิตภัณฑ์ไม้สักของจังหวัดแพร่เป็นที่ยอมรับมีความต้องการจำนวนมาก
ชนิดทำออกมาเท่าไรก็ไม่เพียงพอสำหรับผู้นิยมชมชอบผลิตภัณฑ์ไม้สัก
ด้วยคุณภาพ ความสวยสด งดงาม ที่ธรรมชาติมอบให้
ก่อกำเนิดวัตถุทางสถาปัตยกรรมมากมาย เช่ น พระที่นั่งวิมานเมฆ ซึ่งเป็นสิ่งปลูกสร้างจากไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกในพระราชวังดุสิต
ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ที่ทรงโปรดเกล้าฯ
ให้สร้างขึ้นในพระราชวังดุสิต และยังมีคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ที่เคยใช้เป็นที่ประทับแรมของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่
9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่
9
เมื่อคราวที่เสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎรจังหวัดแพร่ ในระหว่างวันที่ 15
- 17 มีนาคม พ.ศ. 2501 ที่ได้รับพระราชทานรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ให้เป็นสถาปัตยกรรมดีเด่นประเภทอาคารสถาบัน และสาธารณะ ประจำปี 2540,
บ้านวงศ์บุรีหรือบ้านสีชมพูที่โด่งดังจากละครหลังข่าวเรื่องรอยไหม,
คุ้มเจ้าต่างๆ ในเมืองแพร่
และเฮือนเก่าหลายหลังล้วนสร้างด้วยไม้สักแฝงคุณค่าประวัติศาสตร์
ศิลปวัฒนธรรมประเพณี ทุกสิ่งอย่างล้วนศักดิ์ศรีของจังหวัดแพร่
สำหรับจังหวัดแพร่นั้นมีพื้นที่เป็นป่าไม้ 80
% ของจังหวัด ในอดีตมีการเปิดป่าทำสัมปทานป่าไม้ ทำให้เมืองแพร่มีความเจริญเข้ามา โดยมีชาวต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่มากมาย
ที่ได้นำวิถีชีวิต ศิลปวัฒนธรรม ความรู้ จนกระทั่งกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์จังหวัดแพร่
เช่น บ้านเรือนสไตส์ยุโรปผสมจีนบวกล้านนา ล้วนเป็นเอกลักษณ์ที่สวยงามเฉพาะตัวจากอิทธิพลการทำไม้ที่สร้างสมประสมการณ์และความรู้สืบต่อรุ่นต่อรุ่นในเมืองแห่งไม้สัก
ที่เป็นเพียงเรื่องราวบทหนึ่งของจังหวัดแพร่ ปัจจุบันแม้มีการปิดป่าห้ามทำสัมปทานไม้แต่ชาวแพร่ก็ยังยึดอาชีพเกี่ยวกับไม้อยู่
โดยเปลี่ยนจากการตัดไม้เป็นการทำเฟอร์นิเจอร์แทน
แต่ภาพการทำไม้ในอดีต เช่น ภาพการนำช้างมาลากไม้เดินเป็นขบวน ภาพวิธีขนล่องไม้ตามน้ำยมด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน ภาพบ้านเรือนที่ทำเสาไม้สักสองสามคนโอบ เริ่มเลือนล่างหายไปตามกาลเวลา
เป็นเส้นทางการประวัติศาสตร์เปลี่ยนทัศนคติจาก “คนแพร่เดินผ่านต้นสัก
ต้องตัดไม้ หรือ คนแพร่เห็นต้นสัก เห็นเรือนไม้ใหญ่” เป็นเมืองแพร่เมืองแห่งฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ดีมีคุณภาพ
เป็นที่ทราบกันว่า “เรื่องไม้สักต้องถามคนแพร่
เฟอร์นิเจอร์ไม้ ต้องของจังหวัดแพร่
จะปลูกใช้ จะขาย จะสร้างบ้านจากไม้สัก ต้องปรึกษาคนแพร่ “ ไม้สักเป็นหนึ่งในเรื่องราวและเอกลักษณ์ของจังหวัดแพร่
และความภาคภูมิใจของคนแพร่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น