วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561

วันเด็ก


     "รู้คิด รู้เท่าทัน สร้างสรรค์เทคโนโลยี " นี้คือคำขวัญวันเด็กประจำปี 2561 จากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ผู้นำประเทศจะมอบให้แก่เด็กๆเป็นข้อคิด ข้อปฏิบัติ แก่เด็กทุกคนในวันเด็กหรือวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่เด็กๆตั้งหน้าตั้งตารอคอย เพราะวันนี้เป็นวันที่เด็กๆจะได้เที่ยวเล่นและกินของอร่อยๆ กันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุน เช่น ทหารจะนำอาวุธยุทโทปกรณ์มาโชว์ให้เห็นและจับต้องได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถถัง ปีนขึ้นปีนเล่นบนเครื่องบิน มีการสาธิตกระโดดร่มดิ่งพสุธาและแสดงยุธวิธีต่างๆให้เด็กๆดูกัน โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่ใฝ่ฝันจะเป็นทหาร ส่วนเด็กผู้หญิงนั้นในวันเด็กพ่อแม่ก็จะซื้อเสื้อผ้าสีสันสดใส อย่างเช่น ชุดเจ้าหญิงเอลซ่าให้ใส่ไปเที่ยวเป็นที่ถูกอกถูกใจและถ้ามีตุ๊กตาตัวใหม่มาให้กอดให้เล่นก็จะเป็นวันเด็กที่น่าจดใจไปอีกหนึ่งปี

    วันเด็กเป็นวันที่ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญกับเด็ก เริ่มในปี พ.ศ. 2498 ปีที่ทั่วโลกเริ่มจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติกันขึ้น ซึ่งจะเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี ตามความเห็นคล้อยตามกับองค์การสหประชาชาติที่นำปัญหาเรื่องเด็กมาร่างเป็นปฏิญญาว่าด้วยสิทธิของเด็ก ประเทศไทยได้รับข้อเสนอของ วี เอ็ม กุลกานี ผู้แทนองค์กรสมาพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศ ผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทย ว่า ประเทศไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเห็นความสำคัญของเด็กให้มากขึ้น ดังที่นานาประเทศกำลังทำอยู่ ในขณะนั้น สภาวัฒนธรรมแห่งชาติยังมิได้ถูกยุบเลิกไป คณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ได้นำเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น ต่อมาเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2498 ได้มีมติคณะรัฐมนตรีรับหลักการ ให้จัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น โดยมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงศึกษาธิการรับไปดำเนินการ ส่วนของค่าใช้จ่ายในการจัดงานนั้น ได้อนุมัติเงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลมาดำเนินการ

   ดังนั้นวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2498 ประเทศไทยจึงมีงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากนั้นเป็นต้นมา ทางราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปีเป็นวันเด็กแห่งชาติ และจัดติดต่อกันมาจนถึงปี พ.ศ. 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่เพื่อความเหมาะสม ด้วยเหตุผลว่า ในเดือนตุลาคม ประเทศไทยยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็กไม่สะดวกในการมาร่วมงาน ประการต่อมาก็คือ วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้ ตลอดจนการจราจรก็ติดขัด อีกทั้งการที่กำหนดให้วันเด็กต้องจัดในช่วงต้นปี มีความหมายว่า ทุกภาคส่วนของประเทศจะต้องให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอันดับแรกๆคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่คณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสนอ ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2507 ประกาศเปลี่ยนงานฉลองวันเด็กแห่งชาติจากวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม มาเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปี พ.ศ. 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงได้เริ่มจัดขึ้นมาใหม่อีกครั้งใน พ.ศ. 2508 และจัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน

ที่มาข้อมูล วิกิพีเดีย

เรียบเรียงโดย นายคมสัน  หน่อคำ
083-7373307

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น