วันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2563

การเสียผี ตอนที่ 2

 

     
การผิ๊ดผี” นั้น  จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายหญิงเขายินยอมพร้อมใจ   ยินยอมเอออวยด้วยอย่างดี  ไม่ใช่เป็นการ “ผิ๊ดผี”  ด้วยการข่มขืนใจกัน  และไม่ได้หมายถึงการได้เสียซึ่งกันและกันแต่เพียงอย่างเดียว  การถูกเนื้อต้องตัว  จับมือถือแขนหรือฝ่ายชายรุกล้ำเข้าไปในเขตหวงห้ามย่อมเป็นการ  “ผิ๊ดผี”  ทั้งสิ้น   
แม้ว่าการที่ฝ่ายชาย ไม่ได้ไปจับมือถือแขนหรือมีความใคร่จะถูกเนื้อต้องตัวแต่อย่างใด  แต่ไม่รู้จักกับขนบธรรมเนียมประเพณีของภาคเหนือ  แค่ฝ่ายชาย เดินล้ำเส้น” ล่วงล้ำเข้าไปในเขตที่เขาหวงห้ามไว้สำหรับผู้ที่สมาชิกในครอบครัวเท่านั้น เช่น  การล่วงล้ำเข้าไปในเขตหวงห้ามของเขาซึ่งมี  “ข่มประตู”  คือ ไม้คล้าย ๆ เป็นวงกบประตูด้านล่างซึ่งเราใช้ข้ามมาเท่านั้น  ก็นับว่าเป็นการ “ผิ๊ดผี”  ฝ่ายชาย หรือผู้ที่ล่วงล้ำเข้าไปจะต้องทำการขอขมาและมีการ “ใส่ผี”  หรือ “เสียผี”  ให้ทั้งสิ้น  และการที่ ฝ่ายชาย ได้ทำการเสียผี” หรือใส่ผี” ไปแล้วก็จะได้ฝ่ายหญิงมาเป็นภรรยาก็หาไม่  ทั้งนี้เพราะเหตุว่าการเสียผี”แบบนี้ไม่ได้หมายถึงการแต่งงาน  เพราะการแต่งงานเพื่ออยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภรรยาจะเกิดขึ้นได้  ก็ด้วยการยินยอม ตกลงปลงใจของทั้งสองฝ่าย  รวมทั้งการเห็นดีเห็นชอบของญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น
ในตอนต้นได้กล่าวถึงการผิ๊ดผี”เฉพาะภายนอกของฝ่ายหญิงเท่านั้น  แต่ถ้ามีการ“ผิ๊ดผี”  จนถึงกับมีการล่วงล้ำอธิปไตยกันจนถึงภายในแล้ว และทั้งสองฝ่ายตกลงจะไม่ยอมแต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้ว  อย่างนี้หนักเพราะเหตุว่า นอกจากจะมีการให้  “เสียผี” กันตามประเพณีแล้วก็อาจจะถูก “ฝ่ายเจ้าถิ่น”  ลงโทษเอาอย่างรุนแรงดังได้กล่าวมาแล้ว  ก็จะต้องถูกจับตัวไปดำเนินคดีกันตามกฎหมายด้วย
แต่ก็มีข้อยกเว้น กล่าวคือถ้าหากปรากฎว่า “ฝ่ายชาย”เป็นคนดี  มีการมีงานทำเป็นหลักอยู่ หรือถ้าหากไม่มีงานมีการทำเป็นหลักฐาน  แต่ก็ขยันขันแข็งในการทำมาหาเลี้ยงชีพ  และได้กระทำด้วยกันอย่างถูกต้องตามประเพณี  และถ้าหาก “ฝ่ายชาย” เป็นคนจน  ฝ่ายหญิงอาจจะไม่เอาอะไรเลย หรือเพียงแต่จัดการเสียผีไปเป็นเงินเพียงไม่กี่บาทเท่านั้น
ปัจจุบันประเพณีการ “เสียผี”ถูกกลืนหายไปกับสังคม กระแสนิยมสมัยใหม่ ทำให้เกิดปัญหาสังคมอย่างมากมาย จนต้องวอนให้ผู้อ่านทุกท่านปลูกฝังความหมายหรือสั่งสอนการเสียผีให้มีในสังคมมากกว่านี้.....

“เสียผี”ตอนที่ 1


     เสียผี เป็นวลีหรือประโยคที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆสำหรับชาวล้านนา สำหรับความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๔ หมายถึง เมื่อการทำพิธีเซ่นพลีเสียผีตามความผิดให้หนักเป็นเบา เพื่อให้ผียกโทษและขอขมาในความผิดเชิงชู้สาวตามประเพณีท้องถิ่น
          การเสียผีก่อนจะเกินขึ้นนั้นจะต้องมีการกระทำที่เรียกว่า “ผิดผี” หรือ “ผึ๊ดผี” ก่อนโดยมีอยู่ 2 แบบ คือ
 1. เมื่อฝ่ายได้กระทำการ “ผิ๊ดผี” และฝ่ายหญิงยินยอมล่มหัวจมท้าย  คือ  ยินยอมที่จะแต่งงานตามประเพณีเพื่อร่วมชีวิตด้วย  ข้อนี้เมื่อฝ่ายผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้ทำการตกลงกันได้ทั้งผู้ใหญ่ของสองฝ่าย ยินยอมให้หนุ่มสาวแต่งงานอยู่กินด้วยกันตามประเพณี  ก็จัดให้มีการ  “เสียผี”  ในแบบที่เรียกว่าเสียเอาหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  “ใส่เอา”  คือ การใส่ผีแบบยินยอมที่จะแต่งงานกันตามประเพณี
2.  เมื่อฝ่ายชายได้กระทำการ “ผิ๊ดผี” ไปแล้วแต่ว่า ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ชอบในตัวชายหรือหญิง  คือ ไม่มีความอาลัยไยดีและไม่ยินยอมที่จะแต่งงานด้วยกัน ถือว่าเป็นการผิ๊ดผีแต่ภายนอก แบบนี้จะต้องมีการ  “เสียผี  หรือ “ใส่ผี”  แบบที่เรียกกันว่า  “ใส่ไม่เอา”  คือยินยอมใส่ผีหรือเสียผีเหมือนกัน แต่เมื่อใส่หรือเสียไปแล้วก็ไม่ต้องมีการแต่งงานกัน ฝ่ายชายจะหนักหน่อย  คือ ต้องเสียทั้งผีและต้องเสียทั้งค่าทำขวัญด้วย  หรือบางที ดีไม่ดีก็ต้องตกเป็นผู้ต้องหาในข้อหาฐานกระทำการอนาจารอีกด้วย
ในอดีตมีผู้ชายจากถิ่นที่ไม่ใช่ชาวล้านนาที่รู้ไม่จริง เกี่ยวกับเรื่องการผิ๊ดผี” เห็นว่าการใส่ผีหรือเสียผีในราคาถูก เมื่อได้โอกาสก็ทำการลวนลามผู้หญิงล้านนาเอา ปรากฎว่าเจ้าหนุ่มผู้นั้นได้ถูก หนุ่มเจ้าถิ่น” รุมซ้อมเอาจนต้องนอนหยอดข้าวต้มกันเลยก็มีนับไม่ถ้วน และยังถูกจับดำเนินคดี  เพราะเหตุว่า “ฝ่ายเจ้าถิ่น”ถือว่า “ฝ่ายต่างถิ่น” ได้กระทำการดูถูกดูแคลนและทำให้จารีตประเพณีอันดีงามของเขาเสียไป  ชายหนุ่มเจ้าถิ่น ซึ่งเป็นคนรักถิ่น ไม่ยอมให้ใครมาดูถูกดูแคลนได้  บางครั้งบางคราวก็จะมีการใช้ศาลเตี้ยตัดสินด้วยการดักยิง  หมายเอาจนถึงกับสิ้นชีวิตไปก็เคยมี....อ่านต่อตอนที่ 2

“ชุดเจ็ด หมู่บ้าน”


      


       ชุดเจ็ด หมู่บ้าน พวกเค้าอยู่ทุกที่ในหมู่บ้าน ไปทุกงานที่มี ตั้งแต่งานขาว-ดำ งานบวช ขึ้นบ้านใหม่ ชอบช่วยเหลือ รอบรู้ในเรื่องต่างๆ(เรื่องชาวบ้าน ยกเว้นเรื่องตัวเอง) เครื่องแบบคือเสื้อม่อฮ่อมคาดผ้าขาวม้า ชอบร้องรำทำเพลง จับกลุ่มรวมตัวกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป สิงสถิตย์ตามซุ้มศาลา ม้าหินอ่อนหรือตามที่ร่มเย็นประจำหมู่บ้าน เปิดประชุมอภิบายได้ทุกเรื่องและทุกวันเวลา พวกเค้าคือใคร? ตำรวจมือปราบใช่ไหม?หรือเป็นพวกกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยฯหรือสารวัตรกำนันที่มีหน้าที่สอดส่อง ดูแลช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน คำตอบก็คือ......สิงห์เริงปอย......
สิงห์เริงปอย ทุกคนจะมีสมญานามเรียกหาแตกต่างกันไป ตามลักษณ์ส่วนตัวของแต่ละคนและเอกลักษณ์ตอนเมา มักแทนสรรพนามตนเองว่า พี่หนาน.....เพราะเคยบวชเรียนมาแล้ว คลุกคลีอยู่กับวัด(เข้าวัดไปขอกับข้าวที่ตุ๊ปี้บิณฑบาตรมาแปลสภาพเป็นกับแกล้ม) ทุกคนชอบช่วยเหลือกิจกรรมงานต่างๆในชุมชน เป็นแรงงานช่วยกลางเต็นท์ ยกโต๊ะ ขนของ ตั้งแต่งานเริ่มจนงานจบจะอยู่ในทุกกระบวนการ โดยเฉพาะงานศพที่กลัวว่าเวลากลางคืนหลังพระสวดเสร็จและผู้คนเริ่มทยอยกันกลับบ้าน เจ้าภาพผู้สูญเสียจะอยู่ในอาการซึมเศร้าและเงียบเหงา บรรดาพี่น้องชุดเจ็ดก็จะพากันตั้งวงนั่งคำนวณตัวเลขหรือจับกลุ่มคุยกันถึงความดีของผู้ตาย เป็นเพื่อนเฝ้าศพที่ดี ดึกๆเข้าหน่อยเป็นห่วงว่าจะภาพและแขกที่เหลืออยู่ก็จะทำลาบหรือส้าดึกมาเป็นกับข้าว....(กับแกล้ม)มารองท้องป้องกันความหิวในช่วงเวลาข้าม โดยทุกคืนชุดเจ็ดจะมาก่อนอภิธรรมศพทุกวันและกลับในช่วงดึก เป็นแรงงาน เป็นเพื่อน เป็นคนครัว เป็นคนเดินซื้อของ จนกว่าจะเผา เมื่อเสร็จงานณาปนกิจฯแล้วก็ยังจะอยู่เฝ้าจนศพไหม้จนหมด(ชั่งเป็นคนดีจริงๆ)เสร็จแล้วยังกลับมาช่วยเก็บข้าวของรื้อเต็นท์อีก....5555 สั่งลางานศพ..... ด้วยใจรักในการช่วยเหลือของชุดเจ็ดจริง...มิได้หวังสิ่งใด นอกจากน้ำ...เมาที่เจ้าภาพจะหยิบยืนให้เป็นสินน้ำใจ
และหากใครว่า...ว่าชุดเจ็ดทั้งหลายไม่ทันสมัย ไม่มีศิลปะในดวงใจ โปรดสังเกตเวลามา...วววว.....สามารถร้องรำทำเพลงได้ทุกแนว ตั้งแต่ลูกทุ่ง สติง ร็อค ยันเพลงเพื่อชีวิต โดยเฉพาะแนวเพลงสุดท้าย....เมื่อเพลงลุงขี้เมาขี้เมื่อใดก็เมื่อนั้น....ทุกผู้ตัวคนจะตะโกนร้อง ใส่อารมณ์ผุดๆประหนึ่งว่า ตนเองคือตัวเองในท่วงทำนองเพลงและชุดเจ็ดทุกคนจะมีสเต็ปการแดนซ์ที่มันไม่เหมือนใคร ยากหาผู้ใดมาเลียนแบบได้กวน....เท่าอีกแล้ว สามารถพบเห็นได้ตามขบวนแห่ต่างๆ โดยสังเกตุที่หน้ารถแห่(รถเครื่องเสียง) เค้าจะสวมเสื้อหม้อห้อมที่เหมือนมีกระเป๋วิเศษของโดราเอมอน ที่มีอุปกรณ์การเมาครบเครื่อง กระเป๋าเสื้อหน้าอกบน ใส่มะม่วงหรือถั่ว กับแกล้มเล็กๆน้อยๆ กระเป๋าเสื้อด้านล่างซ้ายขวดน้ำอัดลมที่มีน้ำสีใส่อยู่ 1 ขวด(หรือชนิดสีแดง),กระเป๋าเสื้อด้านล่างขวามีขวดน้ำเปล่าสีขุ่น 1 ขวด เค้าเต้นอย่างมีกรอบคือ กางแขนออกจนสุดแล้วออกสเต็ปมือขวาถือแก้วที่ใส่เหล้า(เพลงมันส์ แดนซ์มันขนาดไหนเหล้าในแก้วก็ไม่มีวันหกหรือตกแตก)....
อธิบายเสียยืดยาวทีนี้คงรู้สินะว่าชุดเจ็ดคือบุคคลไหนในหมู่บ้านของเรา ไอ้ที่เราเรียกว่า ขี้เหล้าหลวงทั้งหลายนั้นเองพี่น้อง” 5555.....เมาได้ตลอดเจ็ดวัน จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศูกร์ เสาร์ อาทิตย์ พี่แก่ไม่เคยส่างเมา........