สำหรับเมนูจากหน่อไม้นั้นมีอยู่มากมาย แต่ที่เห็นนิยมทานกันมากที่สุดก็คือ การนำมาต้มแล้วเกาะเปลือกจิ้มกินกับสาระพันน้ำพริกก็อร่อยอิ่มสบายพุงกัน เพราะบ้านเรามีน้ำพริกหลากหายชนิด เรียกว่า ทำทานกันภายใน 1 เดือน ไม่มีช้ำกันสักวัน ไม่ว่าจะเป็นน้ำพริกกะปิ น้ำพริกอีเก๋ น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ๋อง น้ำพริกน้ำปู เมนูนี้หลายท่านคงจะชอบกันพิเศษ กับช่วงนี้ที่ชาวบ้านเก็บปูเคี่ยวทำน้ำปูกันใหม่ๆ เป็นสาเหตุให้หมดเปลื้องหน่อไม้ต้มและข้าวเหนียวไปเป็นจำนวนมาก แต่หนิอไม้ใช่ว่าจะเป็นผักแหนมแกล้มน้ำพริกอร่อยอย่างเดียว ยังสามารถ นำมทำต้มหน่อไม้ใส่กระดูกหมู ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนิยมทำทานกันเป็นประจำโดยเพราะหน่อหวาน(หน่อไม้พันธ์หนึ่ง)ที่มีสีเหลืองอ่อนเนื้อแน่นกรอบและมีรสชาติหวานมาก หรือจะนำหน่อไม้ต้มไปผัดใส่หมูใส่ไข่ปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง น้ำมันหอย ซีอิ้วขาว น้ำตาล น้ำปลา ตามใจชอบก็เป็นอีกหนึ่งเมนูยอดฮิตประจำครัวและร้านอาหารไปเลย ซึ่งอาจจะใส่วุ้นเส้นใส่พริกเพิ่มรสชาติก็เป็นวิธีเพิ่มรสชาติให้กับเมนูผัดหน่อไม้อีกด้วย และหน่อไม้สดสามารถมาทำอาหารได้อีกหลากหลายเมนูด้วย เช่น แกงหน่อหน่อไม้ใส่หมู ,แกงหน่อไม้ใส่ใบแม่ย่านาง,แกงคั่วหน่อไม้สด,แกงเขียวหวานใส่หน่อไม้,แกงส้มใส่หน่อไม้,ผัดหน่อไม้กุ้งสด,ซุปหน่อไม้,แกงห่อไม้ใส่เห็ดเผาะ ฯลฯ
แม้หน่อไม้สดจะมีให้ทานมากมายในฤดูฝน แต่ในความติดใจในรสชาติของหน่อไม้ ประกอบกับภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำให้เมื่อชาวบ้านนำหน่อไม้สดมาผ่านกรรมวิธีถนอมอาหารเก็บไว้ใช้ประกอบอาหาร เช่น หน่อไม้ดอง โดยนำหน่อไม่มาปอกเปลือก ล้างให้สะอาด แล้วนำมาสับหรือหั่นเป็นแผ่นบางๆ แช่น้ำไว้หนึ่งคืน นำมาตากสะเด็จน้ำ แล้วนำเกลือเม็ดต้มละลายน้ำพักไว้ให้เย็น นำหน่อไม้ที่สะเด็จน้ำไว้มาเคล้ากับแป้งให้ทั่ว ใส่ในภาชนะที่เตรียมไว้ เช่น บีบ โอ่ง ขวดพลาสติก เทน้ำเกลือใส่ลงไปให้ท่วมหน่อไม้ เคล็ดลับ ให้ใส่น้ำส้มสายชูเข้าไปผสมด้วยเล็กน้อย เพื่อให้หน่อไม้สวยน่ากิน เสร้จแล้วปิดให้มิดชิด หมักไว้สองอาทิตย์ ก็จะได้หน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ส้มทานกันแล้ว โดยของนะนำเมนูยำหน่อไม้ส้มใส่ใส่น้ำปู เป็นเมนูแรก จะรสสัมผัสที่ได้กินแล้ว แม้เอาพิซซ่ามาแลกก็ไม่ยอม หน่อไม้นอกจากดอกแล้ว ปัจจุบันยังมีการนำมาอบแห้ง เพื่อถนอมอาหารให้เก็บไว้กินนานๆยิ่งขึ้น ก็ร่ายกันมาสะยาว ฉบับนี้ต้องขอจบไว้เพียงเท่านี้ และขอตัวไปตลาดหาซื้อหน่อไม้มาทำกับข้าวเย็นซะสองสามเมนูซะหน่อย......ติดตามบทความอื่นๆได้ที่ https://phrae365.blogspot.com/ และ เพจFacebook/แพร่365
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น