วันเสาร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ตำนานสุรากลั่น

      
     เวลาแดดร่มลมตก ณ ห้างแห่งหนึ่ง(กลางต้ง) สามหนุ่มสามวัยนั่ง ลุงหนานโว้,ฮ้าวขี้เล่า,ไอ้ปี้ขำนั่งพักหลังจากเสร็จงานในไร่ข้าวโพดหลังจากทำงานกันมาทั้งวัน
ฮ้าวขี้เล่า       : ไอ้ขำมะตอน ฮันไอ้น้องเก็บมะกอกมา ฮ้าวขอสักสองสามแก่น
ไอ้ปี้ขำ          : เอากี่แก่น?ฮ้าว เก็บมาเต็มเป้นี่! เอาเกลือต๋วยก่อ เด๋วน้องฝานหื้อ
ลุงหนานโว้    :  คิงจะกิ๋นกับอะหยัง....ห๊า!!!
ฮ้าวขี้เล่า      : ปี้หนานก็... ล่วงออกมาดีๆส้มปาก ตั้งแต่ฮันไอ้ขำมันบอกว่าจะเก็บมะกอกไปตำน้ำพริกแล้ว
ลุงหนานโว้   :  แนะ!ฮู้ดี แฮ้มนะมึง+_+
ฮ้าวขี้เล่า      : โธ่...ผมอันปี้หนาน@@@ หยะก้อนแป้งตากแห้ง ก่อนข้าวโพดจะสุขแล้ว
ลุงหนานโว้   :  หูตาโว้ว...นะสู  ฮู้แล้วดักไว้นะ ปี้หมักไว้เลี้ยงหมู่สู กิ๋นตอนเลิกงานนั้นล่ะ กับเอาไว้แฮ๋วลอยกระทงต๋วย...ฮาๆๆ
ไอ้ปี้ขำ         : ฮู้อะหยังกันลุงหนานโว้...ผ๋มบ่เข้าใจ๋ ก้อนแป้ง คือ อะหยัง
ฮ้าวขี้เล่า      : ไอ้น้อยขำ คิงเค้ยกิ๋นเหล้าก่ หรือสุตโทบ่
ไอ้ปี้ขำ         : อายุปันอี้แล้ว ฮ้าว....*–* ตอนไปบ้านป๋อยปี้หนานหนาวไง หวานๆออกส้มๆ รำดี
ลุงหนานโว้   : ถ้าสีขาวขุ่นมันคือสุตโท ถ้าสีใสๆคือเหล้ากลั่น ที่นำก้อนแป้งมาหมักกับข้าว
ฮ้าวขี้เล่า      :แล้วปี้หนานฮู้จักตำนานเหล้ากลั่นแต้ๆก่อ
ลุงหนานโว้   :บ๊ะไอ้ขี้เล่า เรื่องแต่แรก คือว่าตั้งแต่สมัยโบราณ ตอนนั้นเรายังไม่มีในเรื่องน้ำเมาหรือว่าเหล้า มีนายพรานป่าคนหนึ่ง ซึ่งมีอาชีพในการหาของป่าออกมาขาย อยู่มาวันหนึ่งขณะที่นายพรานออกไปหาของป่าเป็นประจำดังเช่นทุกวัน สายตาเหลือบไปเห็น พวกนกฝูงใหญ่พากันมารุมกินอะไรสักอย่างหนึ่ง บางตัวเมื่อลงไปกินแล้วจะมีอาการ ดีอกดีใจ บางตัวก็เกิดอาการกระโดดโลดเต้นถึงตกต้นไม้เลยก็มี เป็นที่น่าสงสัย นายพรานจึงปีนขึ้นไปดูง่ามข้างบนต้นมะค่าใหญ่ว่ามีอะไร แต่เมื่อนายพรานเห็นดังนั้น ก็นึกว่าเมื่อดื่มกินไม่ตาย ก็ลองชิมดู รู้สึกมีกลิ่นหอม นายพรานจึงเทน้ำในคอกที่ตนนำมาทิ้งออกหมดแล้ว เอาคอกเปล่าตักน้ำในโพรงจนเต็มก็ลงจากต้นมะค่าแล้วเดินทางกลับบ้าน ระหว่างเดินทางกลับบ้านรู้สึกหิวน้ำ นายพรานจึงเอาคอกน้ำที่ตักจากต้นมะค่ามาดื่ม พอดื่มได้ก็รู้สึกมึนเมามีใจคึกคะนอง อยากจะร้องรำทำเพลง จึงได้นำเรื่องดังกล่าวไปบอกให้ชาวบ้านทราบ จึงได้พากันไปดูและดื่มน้ำนั้นแล้วพากันเมาไปตามๆกัน เป็นที่น่าสงสัยของนายพรานยิ่งนักว่าเป็นไปได้อย่างไร จึงชวนกันออกเดินสอดส่องดูบริเวณใกล้ๆแถวนั้นก็เจอกอเปา ต้นพริก และใกล้ๆนั้นยังมีไร่ข้าวของชาวบ้าน พอเสร็จแล้วก็ขึ้นไปดูที่โพรงอีกครั้งในน้ำมีเมล็ดพริก เมล็ดข่า เมล็ดข้าว  พอเห็นเช่นนั้นนายพรานก็เลยนำเอาหัวข่า พริก มาตำและบดให้ละเอียด แล้วนำมาทำเป็นก้อนแช่กับข้าวเก็บไว้นานๆ เมื่อชิมดูน้ำนั้นมีรสชาติเหมือนกับน้ำในโพรงมะค่า ตั้งแต่บัดนั้นมา ชาวบ้านชาวเมืองก็เลยมีน้ำเมากินกัน จนแพร่หลายและเมื่อประมาณ 100 กว่าปี ในหมู่บ้านดอนชัยสักทองได้มีการทำหัวเชื้อ(ลูกแป้ง)โดยนำเอาพริกน้อย,ดีปรี,ข่า,หอมขาว,พริกแห้ง,มาตากแห้ง หั่นเป็นชิ้นเล็กๆโขลกให้ละเอียด ผสมข้าวเหนียวปั้นเป็นลูกกลอน ตากให้แห้งสนิท แล้วถึงนำไปหมักกับข้าวเหนียวได้ประมาณ 15 วัน เรียกน้ำที่ได้ว่า “สุตโท” ถ้าจะนำมาดื่มก็ได้ ทุกครัวเรือนทำกันเองและในโอกาสเทศกาลต่างๆไม่ได้จำหน่ายแต่อย่างใด
 ไอ้ปี้ขำ         : แต้กะลุงหนาน ถ้าเป็นฮ้าวขี้เล่าบอกหมดบ่มีใครเชื่อ 5555
ฮ้าวขี้เล่า      : นั้นว่าไปไอ้น้อย.....ลุงหนานโว้ของคิงก็ฟังพร้อมฮ้าว
ลุงหนานโว้   : เสียหมด  ฮาเล่าเป็นเมิ้น คิงดักกำ ปะแลงแล้วปิกบ้านได้แล้ว....
ฮ้าวขี้เล่า      : โธ๋ปี้ สักแป๊กก่อน.....อิอิ


โดย คมสัน หน่อคำ
083-7373307
ที่มาhttps://www.gotoknow.org/posts/558531

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น