วันพุธที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ผีตากผ้าอ้อม





     ย่างเข้าฤดูฝน เม็ดฝนโปรยปรายสายน้ำทั้งหลายต่างพากันไหลหลากเข้าท่วมฝืนนา กระแสน้ำไหลหลากพัดพาเอาดินโคลนปะปนมาด้วย เมื่อน้ำแห้งลงทำให้มีดินโคลนพอกสิ่งที่มันท่วมจนหนาเตอะมีผลดีต่อชาวไร่นาเพราะดินพวกนี้มีคุณค่าอุดมด้วยอาหารของพืช ปลูกพืชผลจะดกดีงาม

     เมื่อกาลเวลาผันผ่าน กระแสน้ำลดระดับ กระแสน้ำและสายมลมหนาว เริ่มพัดกิ่งไม้ใบหญ้าให้สั่นไหว บรรดาแมลงจี้กุ่ง จิ้งโกร่ง จิ้งหรีดต่างพากันร้องเซ้งแซ่ ระงมไพรยามค่ำคืน เป็นการบ่งบอกว่าหน้าน้ำนองจะลาจากไปแล้ว แม้เสียงจิ้งหรีดกรีดร้องส่งสัญญาณบอกว่าน้ำจะลดแล้วแต่บรรดาผู้คนยังไม่ไว้วางใจว่าน้ำจะลดลาไปจริง เพราะมีบางปีน้ำลดกระแสไปแล้วแต่จู่ๆเมื่อฝนตกหนักน้ำกลับมาไหลนองท่วมไร่นา บ้านเรือนกันอีกเป็นครั้งที่สองที่สามก็มี ต้องรอให้บรรดาผีทั้งหลายพากันมาตากผ้าอ้อมนั่นแหละจะไว้วางใจแน่นอนว่าน้ำจะลดจริงแน่นอนในปีนั้น

    หมอกเหมยลอยละอองเย็นชุ่มใบหญ้าและผิวท้องน้ำในยามเช้า หากเราเดินไปตามไร่นาเรือกสวนตามฝั่งน้ำ หรือเกาะกลางแม่น้ำจะเห็นละอองน้ำสีขาวเกาะผืนใยเล็กๆปิดปากรูของแมลงตามพื้นดินบ้าง บางผืนกางอยู่บนยอดหญ้าบ้าง บางผืนใหญ่ราวคืบกว่าๆ บางผืนเล็กเพียงนิ้วเดียว ผืนใยที่มีละอองน้ำเกาะเป็นแผ่นสีขาวนี้เองชาวล้านนาเรียกกันว่า "ผีตากผ้าอ้อม" ต่อมาเมื่อถึงยามสาย ไออุ่นจากแสงอาทิตย์สาดส่องให้ละอองน้ำแห้งเหือดหายไปเหลือเพียงใยแมงมุมที่ทำรังอยู่ตามพื้นดิน รอให้มีละอองหมอกเหมยยามกลางคืนกลับมาเกาะตามเส้นใยอีกครั้งก็จะมีผืนผ้าอ้อมของบรรดาผีเอามาออกตากให้เห็นอีกครั้ง

     กาลเวลาล่วงผ่านเข้าหน้าร้อนบรรดาผีก็จะเก็บผ้าอ้อมไว้ไม่ยอมนำผ้าอ้อมออกมาตากจนกว่าจะถึงยามหนาวปีหน้า เมื่อกระแสน้ำลดระดับอย่างแท้จริงผีทั้งหลายก็จะพากันนำผ้าอ้อมกลับมาตากอีกครั้ง

     ผู้คนล้านนาจะใช้ปรากฏการณ์ผีตากผ้าอ้อมเป็นสัญญาณบอกว่า หากมีผีเอาผ้าอ้อมมาตากเมื่อใด เมื่อนั้นแหละกระแสน้ำละระดับอย่างแท้จริง พวกเขาจึงพากันเริ่มลงมือทำสวนปลูกพืชตามริมฝั่งน้ำ ตามเกาะกลางน้ำโดยไม่มีสายน้ำกลับหลากล้นมาท่วมทำให้ทรัพย์สิน พืชผลของพวกเขาเสียหาย…….

ที่มาข้อมูล ศูนย์สารสนเทศ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่